กระเบื้องยาง ต่างกับ ลามิเนตอย่างไร?
วัสดุตกแต่งพื้นในปัจจุบันมีรูปแบบให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะผู้ที่มีความชื่นชอบการตกแต่งบ้านด้วยสไตล์ที่เป็นธรรมชาติ กระเบื้องยางและลามิเนตจึงถือเป็นตัวเลือกที่ดีในการใช้ตกแต่งพื้น ให้มีความสวยงามเข้ากับลักษณะและความชอบของแต่ละบุคคล
ในบทความนี้ เราจึงเชิญชวนผู้ที่มีความสนใจ หรือผู้ที่กำลังหาซื้อวัสดุปูพื้นที่ให้ความเป็นธรรมชาติในแบบลวดลายของไม้ มาพิจารณาวัสดุปูพื้นทั้ง 2 รูปแบบ นั่นคือ กระเบื้องยาง และ กระเบื้องลามิเนต ว่าจะมีความแตกต่างกันอย่างไร และแบบไหนที่เหมาะกับเราและบ้านของเรามากที่สุด
1. กระเบื้องยาง
กระเบื้องยางที่นิยมใช้ในปัจจุบันนั้นมีวัตถุดิบหลักที่ใช้ผลิตอยู่ 2 แบบ คือ วัตถุดิบธรรมชาติ เช่น ยางพารา และวัตถุดิบจากกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น สารสังเคราะห์ไวนิล, ยางพีวีซี, โพลียูรีเทน เป็นต้น กระเบื้องยางสามารถติดตั้งได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร การติดตั้งมีความสะดวกและรวดเร็วมาก เพียงแค่ทากาว หรือลอกแผ่นกาวตรงด้านหลังของกระเบื้องยาง จากนั้นก็สามารถทำการแปะลงไปบนพื้นที่มีความเรียบเสมอกัน ก็ถือเป็นอันเสร็จสิ้น กระเบื้องยางนี้จะมีอายุการใช้งานโดยเฉลี่ยประมาณ 10-15 ปี ขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัสดุ การใช้งานและการดูแลรักษา
ข้อดี
- ติดตั้งได้ง่ายและสะดวกรวดเร็ว
- ใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร
- ให้การยึดเกาะที่ดี ช่วยลดการลื่น เพิ่มความปลอดภัย
- ทนทานต่อสภาพอากาศ และความชื้นได้ดี
- หมดปัญหาเรื่องปลวกและแมลง
- ทำความสะอาดได้ง่าย
ข้อควรระวัง
- เกิดรอยได้ง่าย ไม่ควรใช้งานที่มีการเลื่อน การลาก หรือการเข็น
- ไม่ควรให้ผิววัสดุสัมผัสกับกรด หรือด่าง
- หากใช้วัสดุที่มีเกรดไม่ดี อาจทำให้เกิดความชื้น หรือเกิดการเสียรูปได้
- ควรปรับระดับพื้นเดิมให้ราบเรียบ เพราะไม่เช่นนั้น อาจทำให้แผ่นยางเลื่อนหลุดออกได้
2. กระเบื้องลามิเนต
กระเบื้องลามิเนต มีวัตถุดิบหลักมาจากผงไม้ หรือฝุ่นไม้ ที่มาจากไม้เนื้อแข็ง โดยผ่านกระบวนการบดและบีบอัด ผสมกับสารเคมีต่างๆ เพื่อให้วัสดุมีประสิทธิภาพและความคงทนมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่ได้นี้จะมีความแข็งแรงเป็นพิเศษ จึงใช้เป็นเลเยอร์ชั้นกลางและล่าง ส่วนชั้นบนจะมีการใช้ส่วนผสมอีกรูปแบบที่นอกจากจะให้ลวดลายที่สวยงามแล้ว ยังกันรอยขีดข่วนได้อีกด้วย อายุการใช้งานโดยเฉลี่ยของกระเบื้องลามิเนตประมาณ 15-20 ปี ขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัสดุ การใช้งานและการดูแลรักษา
ข้อดี
- ให้ผิวสัมผัสที่สวยงามเหมือนไม้จริง
- มีลวดลายให้เลือกอย่างหลากหลาย
- มีความแข็งแรง ทนทานต่อการรับน้ำหนักได้เป็นอย่างดี
- น้ำหนักเบา
- สามารถเปลี่ยนแผ่นเฉพาะจุดได้
ข้อควรระวัง
- ไม่ทนทานต่อน้ำ เกิดความชื้นสูง สามารถบวมหรือพองได้
- อาจเจอปัญหาเรื่องปลวกและแมลงได้
- ไม่ควรใช้แว๊กซ์ หรือน้ำยาที่มีส่วนผสมของสบู่ในการทำความสะอาด เพราะอาจทำให้พื้นเกิดความเสียหายได้
- ง่ายต่อการเกิดรอยขีดข่วนจากของมีคม
- ราคาค่อนข้างสูงเพราะมีส่วนผสมของไม้จริง
สำหรับผู้ที่มีความสนใจในการเลือกใช้วัสดุปูพื้นที่ให้ความสวยงามในลวดลายที่คล้ายไม้ โดยวัสดุปูพื้นทั้งสองชนิดนี้ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่อาจตอบโจทย์ให้กับเรา หรือให้เราได้เลือกพิจารณาซื้อได้ สุดท้ายนี้แล้ว การเลือกตัดสินใจซื้อก็ขึ้นอยู่กับความต้องการและความชอบของแต่ละคน ว่าจะเหมาะสมกับสิ่งใดมากกว่า เพราะเรื่องของที่อยู่อาศัย จะต้องอยู่กับเราในทุกๆ วัน เป็นระยะเวลาอีกหลายปีเลยทีเดียว
บทความล่าสุด
8 ชนิดไม้ดอกให้ร่มเงา
...อ่านเลย คลิกเหล็ก H beam – I beam – Wide flange เหมาะกันงานประเภทไหน
...อ่านเลย คลิกความสำคัญของค่าปรับที่ใช้ในงานก่อสร้าง
...อ่านเลย คลิกการเลือกปั๊มน้ำที่ถูกวิธี ส่งผลดีทั่วทั้งบ้าน
...อ่านเลย คลิกข้อกำหนดของแบบบ้านที่ต้องมีลายเซ็นของวิศวกรและสถาปนิก
...อ่านเลย คลิกความแตกต่างทางการใช้งานของ กาวโพลียูรีเทน และซิลิโคน
...อ่านเลย คลิกฉนวนกันความร้อนของบ้านแต่ละประเภท
...อ่านเลย คลิกแยกสัดส่วนห้องน้ำ โซนแห้ง-โซนเปียก
...อ่านเลย คลิก