“บ้าน” เป็นทรัพย์สินที่จะอยู่กับเราไปทั้งชีวิต ราคาขายโดยทั่วไปก็ไม่ต่ำกว่า 7 หลัก การซื้อบ้านจึงจำเป็นต้องมีการเลือกสรรที่ดี ปัจจุบันการโครงการบ้าน จัดสรรที่สร้างบ้านสำเร็จรูปขาย แบบเดินถือกระเป๋าเสื้อผ้า 1 ใบ เดินเข้าไป พร้อมอยู่ได้ทันทีนั้น มีมากมายหลากหลายโครงการ หลากหลายแบรนด์ จึง เกิดการตัดสินใจที่ยากสำหรับว่าที่เจ้าของบ้านขึ้นว่าจะเลือกบ้านโครงการ ไหนดี คิดไปคิดมาชักปวดหัว สับสน อย่ากระนั้นเลย โปรดหยุดความสับสน ของท่านไว้เพียงเท่านั้น เพราะวันนี้เรามีแนวทางการเปรียบเทียบข้อมูล การ ตัดสินใจเลือกบ้านสักหลังที่เหมาะสมกับท่านและครอบครัว มานำเสนอกัน แบบจัดเต็ม ให้ความสงสัยของท่านได้กระจ่างแล้ว ไปดูกันเลย

1. สไตล์บ้าน

ดูว่าแบบบ้าน ฟังก์ชั่นการใช้งานตอบโจทย์กับการอยู่อาศัยของเราหรือไม่ สไตล์ของบ้านตรงใจของเราหรือเปล่า เท่ห์ โดดเด่น สวยงาม ถูกใจเราไหม อย่าลืมว่าเราต้องเจอหน้ามันทุกวัน เราชอบ และมันสวยถูกใจ เราก็จะมี ความสุขที่ได้ชื่นชมมันทุกวัน จริงไหมครับ?

2. ขนาดพื้นที่ใช้สอย

ใหญ่ เล็ก หรือเหมาะสมพอดี นั่นขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าของบ้าน และจำนวนผู้อยู่อาศัย เอาที่พอดีกับสมาชิกในบ้าน หรือพอดีกับรูปแบบการ ใช้ชีวิต ไม่เล็กจนคับแคบ ไม่ใหญ่จนดูแลไม่ทั่วถึง เอาแค่พอดีๆ ก็พอ เพราะ ส่วนนี้มันมีส่วนพัวพันกับราคาอยู่ด้วยครับ

3. ขนาดที่ดิน

หลายคนอาจสับสน ระหว่างพื้นที่ใช้สอย กับขนาดที่ดิน ขอเรียนอย่างนี้ครับ ว่า พื้นที่ใช้สอยก็คือ พื้นที่ภายในตัวบ้านทั้งหมด ส่วนตัวขนาดที่ดินก็คือ พื้นที่ที่ปรากฏในโฉนดนั่นเองครับ การเลือกซื้อขนาดที่ดินที่เหมาะสม ให้ดู จากความต้องการของผู้อยู่อาศัยเป็นหลักว่า ต้องการพื้นที่ข้างบ้าน หน้าบ้าน หลังบ้านใช้ทำอะไร มากน้อยแค่ไหน แล้วก็ดูเผื่ออนาคต หากอยากต่อเติม ด้วยครับ แต่ก็เช่นเดิม แนะนำแบบที่พอดี และเหมาะสม เพราะเขาคิดราคา ขายเป็นตารางวากันเลยนะครับ

4. ทำเล

เรื่องทำเลก็สำคัญไม่แพ้กัน เบื้องต้นอาจเลือกทำเลที่ใกล้ๆ กับที่อยู่เดิม เพื่อ ความคุ้นชินในเรื่องเส้นทาง และสถานที่สำคัญต่างๆ หรืออาจพิจารณาเพิ่ม เรื่องที่ทำงานด้วย เพื่อที่ว่าสะดวกในการเดินทางไปกลับบ้าน และประหยัด ค่าเดินทางด้วย เรื่องราคาของแต่ละทำเลก็ต่างกันอย่างแน่นอน ตัวแปร สำคัญที่เอามาคิดราคาก็คือความสะดวกสบายในการเดินทางไปสถานที่ ต่างๆ และเรื่องของความใกล้ย่านใจกลางเมือง ใกล้ย่านสำคัญทาง เศรษฐกิจ หรือเป็นพื้นที่ๆ มีแผนการพัฒนาเศรษฐกิจ และการคมนาคม นั่นเอง

5. ตำแหน่งที่ตั้ง ทิศทางหน้าบ้าน

ในส่วนนี้ก็มีความสำคัญไม่น้อย เกี่ยวพันกับในเรื่องของความหนาแน่นของ ประชากร และจำนวนของบ้านในโครงการด้วย กล่าวคือหากเป็นหมู่บ้าน ขนาดใหญ่ แล้วตำแหน่งบ้านของเราไปอยู่ท้ายหมู่บ้านพอดี การเดินทาง เข้า-ออกบ้าน ก็ย่อมไม่สะดวก ไหนจะเรื่องการเป็นจุดอับสายตา และเรื่อง ความปลอดภัยอีกด้วย ส่วนของทิศทางบ้านก็จะส่งผลในเรื่องความสบายใน การอยู่อาศัย เช่น เป็นทิศทางรับลม ทิศทางรับแดด เป็นต้น บ้านจะร้อน หรือ เย็นสบายนี่คือจุดสำคัญเลยทีเดียว ในส่วนนี้หากเพิ่มความสบายใจไปอีกนิด อาจจะดูเรื่องของฮวงจุ้ยประกอบ ตามความเชื่อของแต่ละบุคคล ก็ไม่ใช่เรื่อง เสียหายอะไร

6. ราคา และอนาคต

ค่อนข้างจะเป็นพระเอก เพราะหากข้อนี้ไม่ผ่าน ข้ออื่นๆ ก็คงไม่ต้องพูดถึง ส่วนนี้ขอให้เตรียมตัววางแผนกันให้ดี จะเก็บเงินซื้อด้วยตัวเอง หรือจะกู้ ธนาคารก็ต้องเตรียมตัวกันให้ถูกต้อง เหมาะสม แล้วเลือกราคาเอาที่พอ เหมาะพอดีกับตัวเอง ไม่ทำให้ตัวเองลำบากมากนัก ซื้อบ้านมาทั้งทีจะกลาย เป็นพวกอยู่บ้านไม่สุข เพราะต้องไปหาเงินมาผ่อนบ้านกันหัวหมุนเอาได้ นอกจากข้างต้นแล้ว อีกส่วนที่อยากให้พิจารณาเพิ่มเติม นั่นคือ อนาคตราคา ของบ้านว่ามีโอกาสขึ้นมากน้อยเพียงใด เผื่อว่าอนาคตอยากขาย เพื่อซื้อ ใหม่จะได้มีกำไร ไม่ขาดทุน

7. แบรนด์

แบรนด์บ้าน บริษัทเจ้าของโครงการก็เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ควร พิจารณา แต่ละแบรนด์มีจุดขาย จุดเด่น จุดด้อยต่างกัน ไม่ว่าจะเรื่องราคา สไตล์บ้าน ส่วนกลาง ส่วนลด ของแถม การดูแลหลังการขาย ฯลฯ ดังนั้นให้ เลือกแบรนด์ที่ตอบโจทย์ชีวิตเราให้มากที่สุด เราจะได้มีความสุขจากการ ดูแลในแบบของเขานะครับ

8. วัสดุที่ใช้

เวลาจะซื้อบ้าน โครงการมักจะแนบสเปควัสดุมาให้ หรือตอนเราไปเดินดู บ้านตัวอย่าง ก็ให้ดูวัสดุที่เขาเลือกใช้ ว่ามีคุณภาพ มีมาตรฐานดีหรือไม่ เป็น ที่นิยมในตลาดหรือเปล่า เป็นวัสดุเกรดไหน ราคาเป็นอย่างไร หากต้องซ่อม บำรุง จะมีอะไหล่หาซื้อได้ง่ายไหม

9. ส่วนกลาง

สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งสวน สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องสมุด คาเฟ่ ฯลฯ รวมถึงความกว้างถนน ระดับความสูงโครงการ การระบายน้ำ หรือใน เรื่องของการรักษาความปลอดภัย เหล่านี้เหมาะสมกับคุณภาพชีวิตที่เรา ต้องการหรือไม่ น้อยเกินไปไม่คุ้มค่า หรือมากเกินไป จนเสียดายค่าส่วน กลาง ซึ่งส่วนนี้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องของจำนวนบ้านในโครงการอีกแล้ว เนื่องจากหากมีจำนวนบ้านเยอะ การจัดสรรกันเพื่อใช้สอยพื้นที่ส่วนกลางก็ ยิ่งมีความวุ่นวายเพิ่มขึ้นด้วย

10. สภาพพร้อมอยู่อาศัย

สุดท้ายก็ให้ดูสภาพโครงการโดยรวม อนาคตว่าจะแล้วเสร็จเมื่อไหร่ คน สนใจเยอะหรือไม่ ยิ่งโครงการมีความคืบหน้าที่ดี ก่อสร้างเร็ว ปิดโครงการ ได้เร็วเท่าไหร่ ชีวิตความเป็นอยู่ของเราก็จะยิ่งสงบสุขมากขึ้นเท่านั้น ไม่ต้อง มาหลอน เพราะต้องเดินผ่านบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จ เพราะไม่มีคนซื้อ บริษัท จึงต้องไปพัฒนาโครงการอื่นที่มีคนสนใจเยอะกว่า หรือปัญหารบกวนการอยู่ อาศัย เสียงดังรบกวนจากงานก่อสร้าง และความไม่ปลอดภัยต่างๆ ที่อาจ เกิดขึ้นระหว่างมีการก่อสร้าง เป็นต้น

ขอให้คุณว่าที่เจ้าของบ้านลองไล่เรียงทีละข้อ ตอบคำถามตัวเองให้ได้ว่าเราต้องการบ้านที่เน้น หรือ เด่นด้านไหน ให้เวลากับขั้นตอนนี้สักนิด ศึกษาหาข้อมูล เปรียบเทียบ และ ค่อยๆ กรองโครงการทีละขั้นๆ ให้ละเอียดขึ้นเรื่อยๆ ให้เหลือโครงการที่ เหมาะสมกับเราจริงๆ จากนั้นจึงตัดสินใจไปซื้อ เพื่อให้ได้บ้านที่เหมาะสมกับ เราที่สุดในทุกมิติ อยู่แล้วสบายกาย สบายใจ ครอบครัวมีความสุข และที่สำคัญ ก็คือไม่ต้องเสียเงินจองบ้านไปฟรีๆ กับบ้านที่ไม่ได้เหมาะสมกับเราอีก ด้วย

ปล. ซื้อบ้านแล้วต้องตรวจรับบ้าน ไปดูบทความดีๆ รวบรวมขั้นตอน และวิธี ตรวจบ้านด้วยตนเองจากเรากันได้เลย

ให้มืออาชีพช่วยคุณ

ติดต่อรับคำปรึกษาหรือ ติดตามข้อมูลที่มีประโยชน์จาก FIRM


Leave a Reply