1. เลือกซื้อบ้านใกล้ที่ทำงาน

การเลือกซื้อบ้านใกล้กับที่ทำงานเป็นตัวเลือกแรกที่ควรนำมาพิจารณา เพราะเราต้องเดินทางไปทำงานแทบทุกวัน การเลือกบ้านที่อยู่ใกล้ที่ทำงานจึงช่วยลดเวลาในการเดินทาง ลดความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียจากการเดินทางไปกลับที่ทำงานทุกวัน แถมยังช่วยประหยัดค่าเดินทางลงได้อีกด้วย

2. เลือกซื้อบ้านที่เดินทางด้วยขนส่งสาธารณะสะดวก

บ้านในเมืองที่ติดรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดินหรือมีสายรถเมล์ผ่านเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอันดับแรกๆ ของคนที่ไม่มีรถ แต่ถ้าหากต้องการบ้านราคาถูกลงก็อาจเลือกบ้านที่อยู่ในซอยที่เราสามารถเดินออกมาขึ้นรถได้ หรือมีวินรับ-ส่ง ส่วนคนที่ต้องการบ้านราคาถูกลงอาจมองหาบ้านชานเมืองแต่ก็ต้องอย่าลืมเลือกบ้านที่มีสายรถเมล์หรือขนส่งสาธารณะต่างๆ ที่ทำให้เราเข้าเมืองได้สะดวกหรือเดินทางไปทำงานได้ง่ายด้วยนะครับ

3. เลือกซื้อบ้านเผื่อภาระหนี้ในอนาคต

ควรเลือกซื้อบ้านตามกำลังทรัพย์และคิดเผื่ออนาคตด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขยับขยายต่อเติมหรือแม้แต่การซื้อรถยนต์ซึ่งจะกลายมาเป็นภาระหนี้อีกหนึ่งอย่าง เพราะฉะนั้นเราต้องเลือกบ้านที่มีราคาเหมาะสม อยู่ในเกณฑ์ที่เราผ่อนได้โดยที่ไม่เดือดร้อน และเหลือเงินเก็บเผื่อต่อเติม ปรับปรุง หรือนำไปซื้อของชิ้นใหญ่อย่างรถยนต์ในอนาคต

4. เลือกซื้อบ้านที่เหมาะกับจำนวนผู้อยู่อาศัย

หากเราอยู่อาศัยกับครอบครัวการเลือกซื้อทาวน์โฮมหรือบ้านเดี่ยวก็จะเหมาะกว่าการอยู่คอนโด แต่หากเราอยู่คนเดียวการเลือกซื้อคอนโดที่เดินทางสะดวกหรือทาวน์โฮมขนาดเล็กก็จะดีกว่า และเป็นการช่วยลดภาระในการผ่อนชำระเกินตัวได้อีกด้วย

5. เลือกซื้อบ้านที่ปลอดภัยและสภาพแวดล้อมดี

ถึงเราจะไม่มีรถก็ไม่ได้แปลว่าการเลือกบ้านจะมีข้อจำกัดมากกว่าคนอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องสภาพแวดล้อมต่างๆ เช่น ปัญหามลพิษจากเสียง มลพิษจากโรงงานหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ ต้องดูดีๆ ว่ารอบบ้านที่เราสนใจนั้นมีปัญหาเหล่านี้หรือไม่ รวมถึงดูเรื่องเพื่อนบ้านและความปลอดภัยในละแวกนั้นด้วย

ถึงแม้ว่าเราจะไม่มีรถยนต์ แต่ในปัจจุบันทั้งบ้านจัดสรร คอนโด และบ้านมือสองที่อยู่ในที่ทำเลดีๆ นั้นมีให้เราเลือกมากมาย อย่าลืมมองหาบ้านที่ทำเลดีและสะดวกสำหรับเรามากที่สุด แค่นี้คุณก็จะสามารถใช้ชีวิตในบ้านที่คุณเลือกซื้อมาด้วยกำลังตัวเองอย่างมีความสุข ไม่ต้องเครียดเรื่องการเดินทางถึงแม้ว่าจะไม่มีรถยนต์ส่วนตัวแล้วครับ